BUSINESS
คนทางตะวันตกนิยมใช้ผ้าผูกคอประดับเพื่อความสวยงามจะเห็นได้ว่ามีหลายแบบจนต้องเรียกรวม ๆ ว่า neckwear ผิดกับคนไทยแต่ก่อนที่มีเพียงผ้าพาด เมื่อหันมาเอาอย่างเขา จึงเริ่มผูกเนคไทหูกระต่าย หรือมีผ้าพันคอ
ประวัติแรกเริ่มที่พอเข้าเค้าว่าเป็นที่มาของเนคไท อยู่ในช่วงศตวรรษแรกก่อนคริสตกาล สมัยนั้นพออากาศร้อน ทหารโรมันจะใช้ผ้าชุบน้ำพันคอ (เรียกว่า focale) เพื่อบรรเทาความร้อน แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก ทั้งยังไม่ได้ก่อให้เกิดความสวยงามพอจะเป็นที่นิยมกันกว้างขวางได้และแล้วเรื่องราวแหล่งกำเนิดของเนคไทก็ไม่พ้นวงการทหารอีก แต่เป็นทหารอีกกลุ่มหนึ่ง
ในปี ค.ศ. ๑๖๖๘ ชาวโครแอต (ปัจจุบันเป็นชนกลุ่มน้อยในแคว้นโครเอเทียของยูโกสลาเวีย) ส่วนหนึ่งรับจ้างเป็นทหารให้ออสเตรีย โดยประจำการที่ประเทศฝรั่งเศส ทหารรับจ้างกลุ่มนี้มีเครื่องแบบเป็นผ้าพันคอทำด้วยผ้ามัสลินและผ้าลินิน อย่างไรก็ดีผ้าพันคอของทหารทั้งสองกลุ่มมีวัตถุประสงค์ในการใช้ต่างกัน คือเพื่อประโยชน์ใช้สอย และเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เหล่าหรือเครื่องแบบนั่นเอง แต่ยังเข้าไม่ถึงสังคมแฟชั่น จนเมื่อชาวฝรั่งเศสทั้งชายและหญิงซึ่งได้ชื่อว่าหายใจเข้าออกเป็นแฟชั่นได้ไอเดียมา และเริ่มนิยมใช้ผ้าลินินี้และผ้าลูกไม้พันรอบคอแล้วผูกไว้ตรงกลางด้านหน้าของคอโดยปล่อยชายยาว
พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ
แฟชั่นนี้เผยแพร่ไปถึงอังกฤษอย่างรวดเร็ว ชาวอังกฤษนิยมกันจนถึงขั้นคลั่งไคล้ โดยเฉพาะเมื่อพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษทรงแต่งนำและพสกนิกรพากันทำตาม นอกจากนี้ ขณะนั้นเป็นช่วงที่วงการแฟชั่นเฟื่องฟูอย่างยิ่ง ก่อนหน้านั้นปี ค.ศ. ๑๖๖๕ เกิดโรคระบาดในเมืองลอนดอน และปีถัดมาเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่แต่แฟชั่นผ้าผูกคอนี้กล่าวได้ว่าแพร่ระบาดรวดเร็วพอ ๆ กับไฟลามทุ่งเลยทีเดียว
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งประดับด้วยคราแวต
เนคไทวิวัฒนาการมาจาก คราแวต โดยช่างตัดเสื้อชาวอเมริกันชื่อว่า JesseLangsdorf ได้ออกแบบโดยการตัดผ้าเฉียงๆและจดสิทธิบัตรไว้ในปี ค.ศ. 1924 จนยุค 50s เนคไทได้รับความนิยมสูงสุดจนเป็นที่มาของประโยค “a man was’t fully dressed until he had put onhis tie.” เนกไคเริ่มกลายเป็นแฟชั่นในยุค 70s โดย Ralph Lauren ห้องเสื้อชื่อดังแห่งอเมริกาได้ออกแบบเนคไทที่มีความกว้าง10เซนติเมตร ยุค 80s มีการวาดและพิมพ์งานศิลปะของศิลปินลงบนเนคไท
ศตวรรษต่อมา แฟชั่นดังกล่าวได้แรงหนุนอย่างดีจาก โบบรูมเมล ผู้โด่งดังเพราะมีเนคไทในครอบครองจำนวนมาก และมีวิธีการผูกเนคไทแบบต่าง ๆ มากมาย จนกลายเป็นประเด็นถกเถียงโต้แย้งอภิปรายกันทั้งในสภากาแฟและสื่อมวลชน ว่าควรจะผูกแบบใดจึงจะถูก แต่น่าสังเกตว่ามาถึงช่วงนี้เรื่องดังกล่าวเป็นหัวข้อสนทนาในหมู่ผู้ชายเท่านั้น สื่อมวลชนในยุคนั้นทำรายการวิธีผูกเนคไทออกมาได้กึง ๓๒ แบบ ถ้าได้พบปะบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือพาตัวไปอยู่ในที่ชุมนุมของแฟชั่นหลากแบบ เช่นสนามแข่งม้าจะเห็นผ้าผูกคอจนลานตา
ยุคนี้เองที่แฟชั่นผ้าผูกคอมีหลายแบบ เช่น แบบห้อยชายยาวลงมา แบบหูกระต่าย ผ้าที่ใช้ก็มีต่าง ๆ กัน เป็นผ้าพื้น ผ้าลายขนาดของผ้ามีทั้งเป็นเส้นผอม ๆ หรือขยายบานออกตรงปลาย
สำหรับหูกระต่าย เดิมทีนักประวัติศาสตร์แฟชั่นเสื้อผ้าเชื่อว่าโบอันเล็ก ๆ ที่ติดไว้บนปกคอเสื้อนี้ พัฒนามาจากผ้าผูกคอแบบชายยาว แต่ต่อมามีผู้โต้แย้งว่าชาวโครแอทผูกหูกระต่ายมาก่อนหน้านั้นหลายศตวรรษแล้ว หูกระต่ายของชาวโครแอตพับจากผ้าเช็ดหน้าสี่เหลี่ยมตามเส้นทแยงมุมแล้วผูกเป็นโบ ติดเข้ากับเชือกที่คล้องคอ