BUSINESS
SUIT
โปรดระลึกไว้เสมอว่า ถ้ามีการพูดว่า “ใส่สูท” นั่นหมายถึงเสื้อและกางเกงต้องตัดเย็บมาจากผ้าชิ้นเดียวกันเท่านั้น เราจึงเรียกว่า “ชุดสูท”
SUIT
ส่วนแจ็กเก๊ตหรือเบลเซอร์ (Blazer) นั้น คือเสื้อที่มีหน้าตาเหมือนเสื้อสูท แต่ไม่มีกางเกงที่เข้าชุดกัน อาจจะใส่กับกางเกงที่มีสีอ่อนกว่า เข้มกว่า หรือใส่กับกางเกงชิโน (Chino Pants) กางเกงคาร์โก้ (Cargo Pants) หรือยีนส์ และไม่แนะนำให้นำเสื้อสูทจากชุดสูทมาใส่เป็นเบลเซอร์เพราะอาจเกิดความเสียหายแล้วชุดสูทนั้นจะเหลือแต่กางเกง
BLAZER
เบลเซอร์ (Blazer) ส่วนใหญ่จะมีสีเข้ม เช่น น้ำเงิน เทา ดำ ตัดเย็บจากผ้าฝ้าย ลินิน วูล สักหลาด อาจจะใส่เบลเซอร์สีน้ำเงินเข้มหรือดำกับเชิ้ต ผูกเนคไท กางเกงสีกลางๆ เช่น กากี หรือเบจ ก็จะให้ได้ภาพสำหรับบรรยากาศที่ผ่อนคลายขึ้นกว่าการใส่สูท ลองนึกภาพนักกีฬาเดินสวนสนามที่ใส่เชิ้ตสีฟ้าหรือขาว ผูกเนคไทลายเฉียง กับกางเกงสีกากีหรือขาว สวมท่อนบนทับด้วยเบลเซอร์สีน้ำเงินกระดุมทอง แบบนี้ก็หล่อไม่เบาเลยทีเดียว
BLAZER
บางโอกาสอาจจะใส่เบลเซอร์กับกางเกงขาสั้นในงานเลี้ยงริมทะเล ริมสระว่ายน้ำ หรือใส่เดินเล่นตามห้างสรรพสินค้าใส่มานั่งจิบน้ำชายามบ่ายแต่ไม่ใช่เพื่อการเจรจาทางธุรกิจอย่างแน่นอน เพราะลุคนี้จะดูลำลองมากเกินกว่าจะใส่มาเพื่อการเจรจาทางธุรกิจ หากต้องติดต่อค้าขาย เจรจางานกันในวันหยุด อาจจะต้องหยิบเสื้อโปโลสีน้ำเงิน กางเกงชิโนสีกากีสวมทับด้วยเบลเซอร์สีน้ำเงินเช่นกัน หรือใส่เสื้อโปโลสีขาว กางเกงชิโนสีกากีและเบลเซอร์สีดำ
เบลเซอร์จะเป็นตัวเสริมช่วยให้การแต่งกายแบบลำลองดูภูมิฐานขึ้น คู่เจรจาทางธุรกิจการค้าก็จะรู้สึกว่าคุณไม่ละเลยความเป็นมืออาชีพแม้ในวันหยุด