BUSINESS
“เสื้อเชิ้ต” ที่เราสวมกันเป็นปกติทุก ๆ วันในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “ไวเชิ้ต” แต่ทุกท่านทราบหรือไม่ว่าทำไมจึงเรียกเช่นนั้นว่ากันว่าแรกเริ่มเดิมทีมาจากคำว่า “White Shirt” ในภาษาอังกฤษ โดยชาวอเมริกาออกเสียงกันว่า “ไวท์เชิ้ต” แต่คนญี่ปุ่นไม่ได้ยินเสียง “H” จึงเรียกกันว่า “ไวเชิ้ต” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
โดยวิธีเรียกเสื้อเชิ้ตว่า “ไวเชิ้ต” แบบนี้มีเฉพาะในภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น และเนื่องจากมีรากศัพท์มาจากคำว่า “White Shirt” นี่เอง เมื่อคุยกับชาวต่างชาติแล้วเรียกเสื้อเชิ้ตสีอื่นอย่างสีน้ำเงินหรือสีชมพูว่า “ไวเชิ้ต” ก็อาจทำให้อีกฝ่ายสับสนได้ว่า “นั่นไม่ใช่เสื้อขาวแต่เป็นเสื้อสีไม่ใช่เหรอ?”
เสื้อเชิ้ตมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน โดยแรกเริ่มเดิมทีเคยถูกใช้เป็นเสื้อชั้นใน ต่อมาค่อย ๆ ได้รับความนิยมในฐานะเสื้อสวมอยู่บ้าน แล้วจึงเปลี่ยนมาเป็นเสื้อสวมใต้แจ็คเก็ตในโอกาสต่าง ๆ เช่นในปัจจุบัน (หากมองจากมุมมองทางประวัติศาสตร์แล้ว ก็เข้าใจได้ว่าเหตุใดถึงต้องสวมแจ็คเก็ตทับในโอกาสที่เป็นทางการ)
อีกทั้งในปัจจุบันยังเป็นไอเทมสำคัญที่ช่วยแสดงเอกลักษณ์ของผู้สวมใส่ด้วยสีสันลวดลายต่าง ๆ โดยไม่ได้มีเพียงสีขาวเท่านั้น
นอกจากสีสันต่าง ๆ เช่น สีขาวที่ให้ความรู้สึกสะอาดและจริงใจ สีน้ำเงินที่ให้ความรู้สึกสดชื่น หรือสีชมพูที่แสดงความสดใสอย่างอ่อนโยนแล้ว ยังมีลวดลายมากมาย อย่างลายทางที่แสดงความเฉียบแหลมและมีสไตล์ หรือลายตารางที่แสดงความสุภาพอ่อนโยนด้วย และด้วยการนำสีสันและลวดลายมาผสมรวมกันเช่นนี้เอง ทำให้เสื้อเชิ้ตกลายมาเป็นสิ่งที่มอบภาพลักษณ์ต่าง ๆ ตามแต่ผู้สวมใส่ได้
ในประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทยที่การสวมแค่เสื้อกับกางเกงเป็นพื้นฐานของการแต่งตัวในโอกาสทางธุรกิจนี้ เสื้อเชิ้ตจึงยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นไปอีก
ลองเลือกเสื้อเชิ้ตที่เข้ากับตนเองสักหน่อย เพื่อสนุกไปกับอีกระดับของการแสดงตัวตนของตนเองดูไหมครับ
แม้ไม่ค่อยได้เห็นเสื้อเชิ้ตสีเข้มในญี่ปุ่น แต่ในไทยเป็นสีที่มีสไตล์ให้ความรู้สึก แบบผู้ชาย
แม้จะเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวเหมือนกัน หากใส่รายละเอียดเพิ่มที่แขนเสื้อ หรือปกเสื้อด้านใน ก็จะทำให้ดูทันสมัยมากขึ้น
Print Shirt (Gray)
Dobby Shirt (White)
Pinstripe Shirt (Blue)
Skinny Check Shirt (Red)
Check Plain Shirt (Beige)
Check Shirt (Beige)