BUSINESS
ถ้าพูดถึงการแต่งตัวให้ดูดีในโลกธุรกิจแล้ว หลายคนคงนึกถึงการใส่สูทหรือเสื้อแจ็คเก็ตและกางเกงแบบครบเซ็ต แต่ด้วยความที่ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ทำให้เรามักจะเห็นนักธุรกิจเดินไปเดินมาแบบไม่ใส่สูทกันมากกว่า เพราะฉะนั้น เสื้อเชิ้ตจึงถือได้ว่าเป็นไอเทมสำคัญที่ยืนหนึ่งในเรื่องความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและความสวยงาม การจะสวมเสื้อเชิ้ตให้ดูดีได้นั้น สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ การเลือกไซส์ที่พอดีกับตัว แม้จะเป็นเสื้อเชิ้ตเหมือนกัน แต่ถ้าขนาดของเสื้อหรือความยาวของแขนเสื้อไม่เข้ากับตัว ก็จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ต่อผู้สวมใส่เป็นอย่างมาก โดยพื้นฐานแล้ว สำหรับความยาวรอบคอเสื้อ เราขอแนะนำว่าให้บวกเพิ่มจากความยาวจริง 2-3 ซม. ส่วนความยาวของแขนเสื้อจากต้นแขนลงไป ควรให้ปลายแขนเสื้อมีความยาวเกินจากข้อมือ 1-2 ซม.
ถึงแม้ในไทยจะมีร้านขายเสื้อเชิ้ตเป็นจำนวนมาก แต่ก็มักจะมีเสียงบ่นอย่าง “ความยาวรอบคอกำลังพอดี แต่แขนเสื้อยาวเกินไป (เพราะมีแค่ไซส์ S,M,L)” บ้าง “ซื้อเสื้อไซส์ M มาเหมือนเดิม แต่ดันใหญ่เกิน ดูไม่พอดีกับตัว” บ้าง โดยเฉพาะปัญหาเรื่องเสื้อไซส์เดียวกัน แต่พอเป็นคนละแบรนด์ ขนาดก็ต่างกัน จึงควรระมัดระวังอย่างมากสำหรับการซื้อในครั้งแรก ยิ่งเป็นเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่ทุกวันแล้ว จึงควรเลือกไซส์ที่เข้ากับตัวเอง ลองมาเปลี่ยนจากเสื้อเชิ้ตธรรมดา ๆ ให้กลายเป็นชุดทำงานที่ดูมีสไตล์กัน เพราะไซส์เสื้อก็มีบทบาทสำคัญในการเสริมบุคลิกภาพในการทำงาน
การพิถีพิถันในการเลือกเสื้อเชิ้ตจะยิ่งทำให้การแต่งตัวดูมีสไตล์อย่างไม่น่าเชื่อ
อย่างในรูปเป็นเสื้อเชิ้ตปก One piece ในคอนเซ็ปต์ “เสื้อเชิ้ตที่ใส่แล้วดูดี แม้ไม่สวมเนคไท (ให้ความรู้สึกถึงความกว้างบริเวณคอเสื้อ)” ต่างกับเสื้อเชิ้ตทั่วไปตรงที่เย็บด้วยผ้าชิ้นเดียวตั้งแต่ลำตัวถึงคอเสื้อ ทำให้ปกเสื้อตั้งขึ้นสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ส่งผลให้ใบหน้าดูคมชัดและสดชื่น (เสื้อเชิ้ตราคา 1,590 บาท)